Pages

Sunday, January 30, 2011

รู้ไว้จะได้ไม่โง่ Episode1# USPS-United States Postal Service (When Priority is NOT Priority)

เจ็บใจ! ตั้งใจจะเขียนเป็น Series รวมเรื่องโง่  แบ่งเป็น Season ด้วยเลยยังได้เพราะว่าเยอะจัด ใครว่าประเทศนี้มันดี เอาเข้าจริงบางเรื่องโดยเฉพาะเรื่องระบบไปรษณีย์, Logistics ทำเจ็บใจมาหลายรอบแล้ว  แถมฝั่ง New England นี่อะไรกันนักวะ ปัญหามากที่สุด ตอนอยู่ชิคาโกไม่เห็นมีอะไรงี้เลย  ปัจจุบันอยู่บอสตันปีกว่าเจอมาเป็นสิบเรื่องได้แล้วมั้ง  บ้าจริง

ความซวยต่อไปนี้ไม่ได้ลำดับตามเวลาก่อนหลังแล้วกันเพราะนึกเรื่องไหนออกจะพยายามโพสต์นะคะ  คิดตามเวอร์ชั่นสุภาพชนได้ที่เวบ pantip ห้องไกลบ้าน  อ่านตรงนี้จะเป็น dirty version ฮ่ะ#หยาบคาย


ประเดิมเรื่องแรกคือส่งของให้มี๊  เพราะยังไม่ได้กลับบ้านซะทีเลยส่งกล้องดิจิตอลไปให้  อยากให้ที่บ้านถ่ายรูปส่งมาให้ดูบ่อยๆ หน่อยเลยจัดเต็มค่ะ  กล้อง Nikon Sxxx something (หนูไม่รู้หนูจำไม่ได้  ทิ้งกล่องไปแล้วด้วย) อุปกรณ์ครบเซ็ท  มีเคสหนัง memory 16GB ด้วยต่างหาก.. ใครขโมยไปกูโกรธมากกก  ของดีๆ ทั้งนั้น  ด้วยความไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยส่ง Priority International Small Flat Rate คิดไว้ว่ายังงัยเกิดอะไรขึ้นก็เคลมได้เพราะ Priority International มี coverage ให้อยู่แล้ว

ก่อนจะเข้าสู่ช่วงเวลาหายนะ  มาอ่านนี่กันค่ะ  เอามาจากเวอร์ชั่นสุภาพชนที่เขียนไว้ก่อนหน้านี้  สำหรับบริการไปรษณีย์ USPS- United States Postal Service เวลาจะส่งจดหมายหรือพัสดุไปยังประเทศอื่น (International Shipping&Mailing) จะแบ่งเป็น 4 ประเภท คือ

-Global Express (1-3 วัน *โดยประมาณ)
-Express (1-6 วัน*)
-Priority (6-10 วัน*)
-First Class --> นาน  ฮ่า! เรียก First แต่ไม่ First เลยค่ะ 'Last'

อันนี้เรียงตามราคาให้แล้วค่ะ  แล้วก็เรียงตามความห่วยด้วย  ไล่จากห่วยน้อยไปสู่ห่วยมาก ถ้าทั่วๆไปส่งภายในประเทศส่งการ์ด  ส่งจดหมาย ของเล็กๆ ใช้ First class ได้ค่ะ  นานกว่าหน่อยนึงแต่ก็ประหยัดดี  แต่ที่นิยมที่สุดคงจะเป็น Priority ราคาและเวลาสมเหตุสมผล (Tips: ส่งของไปรัฐไกลๆ เช่นจากฝั่ง East ไป West ใช้ Priority เร็วกว่า UPS Ground Service จริงๆ นะ:)) ข้อดีของ Priority International คือมีการชดเชยค่าเสียหายให้ (Indemnity coverage) ในกรณีที่ของเสียหาย หรือตรวจสอบได้ว่าโดนขโมย แม้จะไม่ได้ซื้อประกันหรือส่งแบบลงทะเบียน

สั้นๆ คือ ของหาย#ดวก  เมื่อวานเปิดดูเวบมันเลย  ตั้งท่าจะเคลมเต็มที่เพราะ 19 วัน tracking number ไม่อัพเดท  มี๊ก็ไม่ได้ของ  ปรากฏว่าซวยที่สุดในโลก-> Priority International Small Flat Rate ไม่มี coverage ใดๆ ทั้งสิ้นถ้าไม่มีการจ่ายเพิ่มเป็น registered mail!! อะไรวะเนี่ยยยยย  กล่องไซส์อื่นเคลมได้หมดนะ  ยกเว้น small เท่านั้น  อะไรมันจะซวยได้เท่านี้  บ้าไปแล้ว  ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า Priority นี่ยังมีแบ่งวรรณะ  วรรณะเล็กก็จะไม่ได้รับการคุ้มครองเหมือนวรรณะไซส์กลางไซส์ใหญ่  เสียใจว่ะ  จ่ายไป $13 เหมือนเอาเงินขว้างหัวหมา  แล้วมันจะจัดเป็น Priority ทำไม ไม่จัดไปรวมกับ First Class ซะล่ะจะได้ทำใจว่าจ่ายถูก คุณภาพถูก       




*อ่านดูสิ  ฮืออ T^T 


โทรไปปรับทุกข์กับ Customer Service ที่จำเป็นต้องผ่านด่านโรบอทอรหันต์ (Voice recognized แบบที่ต้องคุยกับโรบอทอ่ะ  เกลียดมากเช่นกัน  พูดว่า other มันก็โอนไป track & confirm อยู่นั่นแหละ  สำเนียงกูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ)  สรุปว่า  ทำอะไรไม่ได้ค่ะ  ต้องทำใจเท่านั้น Priority Int'l Small Flat Rate boxes or envelopes และ First Class Int'l จะไม่มีการโชว์สถานะระหว่างขนส่ง  เพราะจะไม่มีการสแกนบาร์โค้ดค่ะ  ดังนั้นไม่สามารถตรวจสอบหรือทำเรื่องขอเคลมเงินคืนได้หากของเสียหายหรือโดนขโมยเนื่องจากไม่มีทางทราบได้ว่าของอยู่ไหน  ป่านนี้ไม่ US Customs ก็ Thailand Customs หรืออีปลวกที่ไหนซักคนคงได้ชื่นชมกับกล้องใหม่ไปแล้ว (#กูขอให้บ้านมึงไฟไหม้)  ส่วนทุกท่านกรุณาไปรับยาแก้โง่ที่ช่องรับยาถัดไปเป็นเพื่อนดิชั้นหน่อยค่ะ  หายโง่ไปเลยจริงๆ

จำไว้  ต่อไปคิดจะส่งของกลับบ้าน  ต้องลงทะเบียน  หรือไม่ก็ซื้อ insurance
ห้ามไว้ใจ Priority....   




Wednesday, January 26, 2011

Mr.US President and his speech

วันนี้หลังดูรายการ The Biggest Loser (#เหมาะกับ loser อย่างเรา คุณค่าที่ดิชั้นคู่ควร) ก็มีถ่ายทอดสด Obama's State of the Union Address จาก Washington DC เนื่องจากหนาวมากไม่อยากจะขยับไปหยิบรีโมท  ชีวิตที่ไม่เคยสนใจข่าวสารบ้านเมืองจึงได้พบกับทางสว่าง  เพราะนั่งๆ ฟังไป  เออ  มันก็มีประเด็นที่น่าสนใจหลายอย่างเหมือนกัน

State of the Union Address เป็นการกล่าวสุนทรพจน์ (น่าจะเรียกได้ว่าอย่างนั้นนะ คงไม่ใช่อภิปรายอ่ะ  เพราะไม่มีใครมาค้าน  แม้ Repablicans จะนั่งกันพรึ่บ) เกี่ยวกับรายงานสรุปประจำปีของการทำงานในตำแหน่งประธานาธิบดีต่อ Congress  รวมถึงนโยบายทางกฎหมายต่างๆ  นี่เป็นครั้งที่ 2 และครั้งนี้ Obama หาเสียงสำหรับการเลือกตั้งครั้งถัดไปเน้นๆ เลยค่ะ ได้ข่าวว่าฮีก็หวังไว้สูงว่าจะได้กลับมาดำรงตำแหน่งอีกในการเลือกตั้งปี 2012

ประเด็นหลักๆ ก็เกี่ยวกับเรื่องการสร้างงาน  แหงล่ะ  ตอนนี้หางานยากบรรลัย อเมริกันเองยังตกงานกันเกลื่อน สิ่งที่ฮีหวังว่าจะมาสร้างความเปลี่ยนแปลงได้คือ high-speed internet, การปฏิรูปศึกษา แล้วก็ green energy technology เก๋ซะ!

"We need to out-innovate, outeducated and outbuild the rest of the world," and
"We have to make America the best place on earth to do business.'"

พูดถึง Google กับ Facebook ด้วยนะคะขอบอก  ประมาณว่า internet (ไม่เขียนไทยได้ป่ะ  ไม่รู้สะกด อินเตอร์เน็ต/อินเตอร์เน็ท/อินเทอร์เน็ต???#$%^&*(%$#) เป็นตัวแสดงถึงความเป็นอัจฉริยะของอเมริกัน (ทางด้านธุรกิจ)  เออ จริงของฮี  อันนี้เห็นด้วย  ได้เงินมาใช้ก็เพราะ eBay นี่ล่ะค่า  ที่นี่อะไรๆ ก็ internet จริง  ระบบล่มทีนึงนี่จะตายให้ได้  ถ้า internet เจ๊งไม่ต้องคิดจะโทรไป Call Center ด้วยเหตุผล 2 ประการ 1) หาเบอร์ไม่ได้  ปกติต้องเปิด internet ดู 2) Call Center เจ๊งไปด้วย  คนโทรไปด่าเยอะเกิน

ที่เห็นด้วยอีกอย่างนึงก็คงเป็นเรื่องการส่งออก  Obama พูดไว้ว่า การส่งออกก็คืองาน  งานของชาวอเมริกันหายไปให้จีนและอินเดีย (วู้ววว Asian Powers!) จริงๆ ตามที่เรียนมาอเมริกาส่งออกเยอะเป็นอันดับ 1-2 ของโลกมาตลอดนะคะ  แต่ว่าตอนนี้ร่วงเป็นอันดับ 3 เสียแชมป์ให้เยอรมัน,จีนไปสองปีที่แล้วเองมั้ง (The World Fact Book, CIA 2010 ไม่นับ EU เพราะไม่ได้เป็นประเทศ)  แม้ว่าจะไม่ได้เป็นรูปตัวสินค้าผลิตเป็นชิ้นๆแต่อเมริกันส่งออกเกี่ยวกับเทคโนโลยีแล้วก็ยามูลค่ามหาศาลในแต่ละปี 

ดูจากนโยบายการศึกษาที่จะพัฒนาให้คนที่นี่ได้เรียนสูงกว่า High School ก็พอจะมองออกว่า  ให้ชาวอเมริกันเรียนกันสูงๆ  แล้วมาทำงานดีๆ ให้ประเทศ  เรียนจบแล้วก็เชิญชวนมาเป็นคุณครูพัฒนาเด็กๆ รุ่นถัดไป  แนวคิดชาตินิยมจ๋าขึ้นมาหน่อยๆ  มีการยกย่องเกาหลีใต้เกี่ยวกับระบบการศึกษาแล้วก็เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมากกว่าอเมริกา.. ไม่รู้อ่ะ พูดถึงเกาหลีแล้วนึกถึงความโคตรจะชาตินิยม  ฟังแล้วรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ว่า  ถ้ามันอเมริกันชนนิยมขึ้นมาจริงๆ กูจะมีอะไรแ_กมั้ย  อเมริกันเพื่ออเมริกัน! ถ้าเค้าจำกัดการจ้างงานเป็นแต่อเมริกันล่ะก็ ได้เก็บของกลับบ้านเร็วขึ้นแน่  ตอนนี้แค่นี้สมัครงานบริษัทก็ยากพอแล้ว  จะเอาแต่ citizen ทั้งนั้น  เฮ่ออ หนูเพลีย

ไปนอนดีกว่า!

 

Thursday, January 20, 2011

CEO Cat and Coffee Maker

Just two seperate stuffs come across my mind at this moment and I don't want to let it go so I'm making a post.

Here we go again with my boy, Spice. Now he has changed his favorite chair for napping from fabric cushion one to a LEATHER comfy office chair, oh boy, love your taste#sarcasm. It's a real nice chair I always use for studying and now he permanently takes mine! Well, not much to say since I ended my class so he has right to occupy???

He's becoming a CEO for my future business. (Zuckerberg has "I'm a CEO, bitch", I'm a bitch who has CEO Cat).




See that? Crossing legs like a boss.. lol


Coffee Maker:
Hmmm, how annoying it is when you are craving for coffee and neatly make one, pouring filtered water for 2 cups, placing paper filter, putting in ground Starbucks vanilla coffee (my recent fav) then pressing brew button.

3 mins later you come back to grab a coffee pot, putting sweet condensed milk and sugar (yeah, I add both) in a cup, pouring great aromatic coffee, gently stiring, ready to drink, wait.. you find left ground coffee in your cup!, look at the pot--more than half ground coffee in there!!, look at the filter in the machine, it's damn folded!!!!

Why this all happens to me everytime I make a coffee....

Monday, January 17, 2011

Fine Line

Dignity and Absurdity is just a fine line.

Lately, I have had a disagreement about working after graduation with a 'kid'. I didn't judge who was right or wrong as it was not my interest to convince any kid's absurdity. Dream job and reality is sometimes upside down, you need to experience it before making any suggestions.

I don't care if you are a junior but you already feel you know or even you can do better than me, because literally you are my nobody--apparently, I don't know you well and never want to. But, please, don't cross the line. Don't say I'm senseless with something that you have no idea what it is about. People have different lives so why don't leave me alone if I'm not like your type.

Please go happy with your small capture of the world in your mind. I chose what I would like it to be so I have things to do, yeah, which it is about a time to ignore this itchy feeling. All I just hope is one day when you grow up, you'll be able to define your 'dignity' out of 'absurdity'.

Saturday, January 15, 2011

แมวตะแหล

*ตะแหล = คำด่าแมวแบบกึ่งเอ็นดูกึ่งหมั่นไส้  ถ้าใช้กับคนจะใช้ 'ตอแหล' #กระแทกเสียง

บันทึกแมวกิ๊กก๊อก

แนะนำลูกชายสุดที่รัก  สไปซ์ (Spice) แมวส้มขนนุ่ม  หางฟูฟ่อง อายุ 1 ปี 4 เดือน  เป็นสิ่งมีชีวิตเดียวในบ้านที่เป็น American citizen  ว่างๆ ก็อยากจะให้มันตรวจ grammar ให้อยู่เหมือนกัน  จะได้ใช้ให้ถูกๆ กับเค้าซะที  นิสัยเอาแต่ใจและดุโคตร  กัดข่วนเลือดอาบแม้กระทั่งเจ้าของยามไม่ได้ดั่งใจแมว T^T  สไปซ์พูดมากกกกก  พูดทั้งวัน  ไม่ร้องเมี้ยวๆ ด้วยนะ  ทำเสียงกรู้ววว กรู้ววว  ของมันในคอ  ประหลาดเหอะ  แต่ฉลาดและน่ารักมากๆ (ในอารมณ์ที่มันอยากทำตัวดีๆ)

อาทิตย์ที่ผ่านมานี้อีสไปซ์เริ่มนอนไขว่ห้างค่าท่านผู้ชม   ครั้งแรกๆ นึกว่าหนาว  แต่ไปๆ มาๆ ไม่ใช่และ  มันทำทุกวัน  เลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อยมันไม่เคยไขว่ห้าง  แต่เดี๋ยวนี้นอนไขว่ห้างแล้วเชิ่ด  ตะแหลมาก  ไม่รู้จะตะแหลไปถึงไหน  อย่าหาว่าตะแหลตามเจ้าของเลยค่ะ  ไม่เคยสอนนะมันทำของมันเอง  (แต่อาจจะซึมซับพฤติกรรมไปอันนั้นก็ไม่ว่า)

ทำไมต้องเอาขาหน้าไขว้? จะทำไปเพื่ออะไร? อุ่นมันก็ไม่ได้ช่วยให้อุ่น  นอนขดแบบที่เคยทำน่าจะอุ่นกว่า  จริงๆ ขนก็เยอะแล้วเรื่องหนาวไม่น่าจะใช่ประเด็น  เนื่องจากตอนนี้หาสาเหตุไม่เจอเลยขอสรุปว่ามันตะแหลไว้ก่อนละกัน  มากกว่านี้ถ้ามันจะหัดกินไวน์หรือใช้ไอโฟนก็จะมาอัพเดทให้ฟังกันในโอกาสต่อไป 

ตลกดี  ไม่เคยเห็นแมวไขว่ห้าง  ถ้าหมาล่ะเห็นบ่อยๆ






XOXO  

Monday, January 10, 2011

How I got the Mass ID!

เปิดบลอคมาก็บ่น  ตั้งใจจะทำบลอคดีๆ มีคุณค่าไว้เป็นที่ระทึก-ระลึกซักหน่อย  สงสัยคงจะไม่ได้ 

วันนี้ไปทำ Massachusetts ID เป็น ID card สำหรับกะเหรี่ยงที่ไม่มีใบขับขี่  ประโยชน์หลักๆ ไม่มีอะไร  แค่เวลาไปแรดกลางค่ำกลางคืนจะได้ไม่ต้องพกพาสปอร์ต  เอาไว้บอก DOB (Date of Birth) เท่านั้นเอง

มิตรรักแฟนเพลงบางท่านคงได้ทราบว่านี่เป็นความพยายามครั้งที่ 3 หลังจาก 2 ครั้งแรกล้มเหลวไม่เป็นท่า  เนื่องจากไปทำช่วงย้ายบ้านใหม่ๆ  เอกสารที่โดนปฏิเสธมาตลอดคือ Proof of Address ว่าเราอยู่บ้านเลขที่นี้จริงๆ  เหนื่อยหน่ายมาก  เพราะตอนนั้นก็จนปัญญาว่าจะหาอะไรมาให้  เนื่องจาก lease เช่าบ้านก็หาย (จะว่าไปจนถึงตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอ)  จดหมายที่ส่งมามีแต่ forward มาจากที่อยู่เก่า (เป็นแถบกระดาษสีเหลืองอ่ะ  ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำไมใช้ไม่ได้  เพราะก็มาจากไปรษณีย์เหมือนกัน  ก็ไปแจ้งไปรษณีย์เองว่าหนูย้ายบ้านนะคะพี่  โปรดส่งจดหมายทุกอย่างไปให้หนูที่บ้านใหม่ด้วย) Utilities Bills ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ paperless หมด (อยากรักษาสิ่งแวดล้อมดีนัก ซวยอีก)  สุดท้ายจึงต้องรอมาจนถึงวันนี้

อีเจ้าหน้าที่แรงมาก  ของที่นี่เค้าแรงจริงๆ  คิดว่าเตรียมตัวไปดีหอบไปหมดทุกอย่าง  คราวนี้กูต้องได้  ก็ยังไม่วายโดนซอกแซกถามพร้อมจิกกัด  คู่กรณีวันนี้เป็นชะนีผิวสีน้ำหนักประมาณครึ่งตัน  เรื่องที่โดนมาวันนี้  ได้แก่

เรื่องแรก I-20s (ไว้จะอธิบายเพิ่มเกี่ยวกับ I-20 เอกสารสำคัญสำหรับนักเรียน US นะคะ  วันนี้ขอบ่นก่อน) มีหลายอันเหลือเกิน   นางดูไปแล้วนางก็บอกว่า It can't be this one, it can't be this one.. อะไรของมึง  ก็เพิ่งไปติดต่อโรงเรียนมาเรื่องเอกสาร  Sam (Dearest friend&advisor) จัดมาเป๊ะๆ  จะมาบอกว่าไม่ใช่ๆ ได้งัย  พอโชว์ให้ดูอันล่าสุดบอกว่าเพิ่งได้มาวันนี้ใช้สมัคร OPT (Optional Practical Training--ไว้ต่อคราวหน้าเช่นกัน) ก็บอกว่า  Where's your OPT Card? ดวก (=ดอก+ปลวก)  ก็บอกว่าเพิ่งสมัครวันนี้  มันจะได้เลยได้ยังงัยล่ะ

เรื่องที่สอง  มันมาอีกแล้ว Proof of Address  กะว่าเอาเด็ดๆ ไปแล้วนะ  เอาบิลโรงพยาบาลกับบิลเครดิตการ์ดไป   ให้ดูบิลค่าโรงพยาบาลก่อน  นี่งัยๆ ที่อยู่เต็มๆ เลย  เห็นมั้ยๆๆๆๆ  นางพลิกด้านหลังทันที  นางชี้ไปตรงหน้าที่บอกว่าค่าใช้จ่ายเป็นจำนวน $ xxx  แล้วบอกว่า  ที่อยู่ต้องระบุไว้ตรงนี้ด้วย... (อึ้งไป 2 วินาที  อีดวกกกก  กูผิดเหรอ ก็โรงพยาบาลเค้าพิมพ์แบบฟอร์มมาอย่างงี้  กูผิดตรงไหนเนี่ยยย) 

โอเค  เรายังมีอีกอันสำรองไป  บิลเครดิตการ์ดเป็นอะไรที่ไม่เคยใส่ใจจะแกะอ่าน  เพราะปกติจ่ายออนไลน์ตลอด  เคยคิดจะยกเลิกบิลกระดาษแบบนี้ด้วยซ้ำเพราะว่ารกบ้านขี้เกียจเอาไปทิ้ง  แต่ได้บทเรียนว่าต้องมีไว้สำหรับติดต่อธุระแบบนี้เลยเก็บไว้  ปรากฏว่านางบอกว่าให้แกะซองเดี๋ยวนี้  เออ..กลายเป็นหมดอายุไปอีก  อยากจะกรี๊ด  คือมันเป็นบิลของเดือน 10/2010 ที่ครบรอบจ่าย 11/2010  โดนข้อหาเกิน 60 วัน  (แต่อันนี้ไม่แฟร์นะ  เพราะถ้านับวันที่บิลมาถึงบ้าน  ก็ยังอยู่ใน 60 วัน)  พูดไม่ออกเลย  พยายามบอกว่าเราไม่รู้จริงๆ Sorry Sorry (ไม่อยากมาอีกรอบแล้ว T^T)  ... นางปิดท้ายว่า That's because you never open it! แล้วสะบัดหน้าลุกไปที่เครื่องถ่ายเอกสาร  แอร๊ยยยย  อีนี่!!

ขณะถ่ายเอกสาร  ทำท่าฮึดฮัดๆ แล้วหันมาเหวี่ยงกับดิชั้นว่า  I can't take this, it gives me hard time to make a copy! แล้วโบกพาสปอร์ตหน้าที่ Sam เย็บแม็ก I-94 card ไว้  ไม่เข้าใจมันเลย  Sam เป็น Student Advisor ที่ BU ซึ่งเรื่องเอกสาร professional มาก  Sam เป็นคนย้ายมาแม็ก I-94 ไว้หน้าตรงข้ามกับวีซ่า  ซึ่งมันสะดวกมากที่จะก๊อปปี้เพราะเปิดมาก็เจอเลย  อีนี่ก็อะไรก็ไม่รู้  ส่งพาสปอร์ตกลับมาให้เลยเอามาแกะๆ แม็กออก  ใช้เล็บนี่แหละแกะๆ  ตอนนั้นก็เริ่มหงุดหงิดแล้วเหมือนกัน  ถ้าไม่อยากทำงานนี่ไม่ต้องทำดีกว่ามั้ย  กับแค่ถ่ายเอกสารของที่มันอยู่คนละหน้ากัน

เรื่องสุดท้าย  ก่อนจากกัน  หลังจากทำพิธีถ่ายรูปและจ่ายเงินเสร็จ $25  ได้รับกระดาษมา 1 ใบ  เป็นคล้ายๆ เอกสารชั่วคราว (ใบเหลืองเมืองไทย ที่นี่ก็มี!)  นางบอกว่าให้ตรวจสอบชื่อ วันเดือนปีเกิด  ทีนี้  ความผิดมาตกที่กูอีกแล้วใช่มั้ย  ที่ดันไปสังเกตว่า expiration date มันคือ เดือนหน้า  ถามมันว่า  Excuse me, about the expira... คือพูดยังไม่ทันจบประโยค  นางสวนกลับมาว่า  Just read what I ask you to read! ฮึ้ยยยยยยยยย  เออ โอเคทุกอย่างถูกต้องย่ะ ตอนนั้นเซ็งขั้นรุนแรงแล้ว  คิดว่าทนหน่อยๆ เนี่ยเสร็จแล้วจะได้กลับบ้าน  ไม่อยากไปต่อล้อต่อเถียง  จึงได้ลาจากกันด้วยสายตาอาฆาต  แล้วก็กลับมารอ ID ที่จะส่งมาให้ทางจดหมายอาทิตย์หน้าแทน

แต่ยังงัยสุดท้ายแล้วมันก็สอนให้รู้จักใจเย็นได้เหมือนกันนะ  นางคงทำงานมาทั้งวันหิวกล้วยหิวอ้อยอะไรก็ว่ากันไป..  ติดต่ออะไรแบบนี้เจอประจำเลย  อยากให้คนทำอาชีพบริการสังคมเข้าใจกันบ้างเถอะ  ไม่จำเป็นก็ไม่มารบกวนหรอกค่า 


XOXO


PS. กลับมาเพิ่มเติม  Mass ID มีอายุ 5 ปีค่ะ ที่ระบุว่าหมดอายุ Feb/2011 นั่นคือใบเหลืองมีอายุแค่เดือนเดียว